ประกาศดังกล่าว เป็นการขยายเพดานโควตาการนำเข้าทาง E-Commerce ข้ามพรมแดน โดยเพิ่มโควตาการสั่งซื้อต่อครั้งสูงสุดจาก 2,000 หยวน เป็น 5,000 หยวน และเพิ่มโควตาต่อปีจาก 20,000 หยวน เป็น 26,000 หยวน
กรณีสั่งซื้อสินค้ามากกว่า 5,000 หยวนในครั้งเดียว แต่มีมูลค่าสั่งซื้อรวมทั้งปีไม่เกิน 26,000 หยวน และจำนวนสินค้าเพียง 1 ชิ้น สามารถนำเข้าสินค้าโดยช่องทางนำเข้าค้าปลีกทาง E-Commerce ข้ามพรมแดนได้แต่ต้องชำระภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการบริโภคตามขั้นตอนนำเข้าทั่วไป
และในประกาศดังกล่าว จีนยังอนุญาตให้นำเข้า “ข้าว” ได้ไม่เกินคนละ 20 กก.ต่อปี
ต่างจากในอดีตที่เมื่อก่อนจะนำเข้าข้าวเข้าจีนได้ต้องมีโควตา เลยทำให้ที่ผ่านมามาตรการนี้เป็นข้อจำกัดในการส่งออกข้าวไปยังจีนมาโดยตลอด
ชาวนาที่ผลิตข้าวถุงขายเอง หวังจะเปิดตลาดส่งออก เลยทำไม่ได้ หมดโอกาสที่จะส่งข้าวไปขายจีนได้เอง นอกจากจะขายให้พ่อค้าส่งออกข้าวที่มีโควตา
แต่หลังจากมีประกาศนี้ ชาวนาไทยสามารถทำได้แล้ว...แม้จะมีการจำกัดให้คนจีนนำเข้าได้ไม่เกินปีละ 20 กก.ต่อคนก็ตาม แต่ประเทศจีนมีประชากรมากกว่าพันล้านคน คนจีนแค่ 1% สั่งซื้อ รวมกันแล้วเป็นแสนตัน
นี่จึงเป็นโอกาสให้ข้าวไทยเจาะตลาดจีนได้มากขึ้น ที่เหลือคงต้องขึ้นอยู่กับตัวเกษตรกร และหน่วยราชการ จะส่งเสริมประชาสัมพันธ์ สร้างแบรนด์สินค้าของชาวนาให้เป็นที่รู้จักในจีนมากขึ้นได้อย่างไร.